
ความแตกต่างของระบบ IOS และ Android
ในปัจจุบันวงการของเครื่องมือสื่อสารนั้น ไม่มีใครไม่รู้จักระบบ Android และ iOS ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่ใช้บนสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ตรุ่นต่าง ๆ ถ้าพูดกันในแง่ของความนิยม ดูเหมือนว่าระบบ Android จะมีการนำหน้ามากกว่า สาเหตุคงมาจากความหลากหลายของบริษัทผู้ผลิตสมาร์ตโฟนแบรนด์ต่าง ๆ ตลอดจนการเปิดโอกาสที่ดีให้กับนักพัฒนาทั้งหลายที่ชื่นชอบในการพัฒนาซอฟต์แวร์ และแอปพลิเคชันได้พัฒนาระบบ Android ไปอย่างก้าวกระโดดกันเลยทีเดียว วันนี้ ไอทีรอบรู้ จะพาไปดูกันเลย
ในขณะเดียวกัน ด้านระบบ iOS ก็มีความเป็นมิตรกับผู้ใช้ ทั้งด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและมีความคล่องตัวมากกว่านั้นเอง ซึ่งถ้าจะให้เปรียบเทียบว่าระบบไหนดีกว่าก็คงจะตอบได้ยาก เพราะการใช้งานของผู้ใช้งานแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน ฉะนั้นเราดูจุดเด่นและจุดด้อยของระบบ Android และ IOS กันดีกว่า ทั้งนี้เพื่อการเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการของผู้ใช้เอง

จุดเด่นและจุดด้อยด้านต่าง ๆ ของ Android และ IOS
1. ด้านการใช้งาน
ระบบของ Android จะมีความเป็นอิสระในการใช้งานมากกว่า เนื่องจากว่าสามารถปรับแต่งการตั้งค่าของสมาร์ตโฟนและแทปเล็ตได้อย่างอิสระ โดยที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกหรือติดตั้งแอปพลิเคชันภายนอกได้ง่ายกว่า แต่สำหรับ iOS ถ้าต้องการที่จะปรับแต่งการตั้งค่าได้มากยิ่งขึ้น จะต้องทำการปลดล็อกระบบหรือที่เรียกกันว่า การเจลเบรก (Jailbreak) แต่ก็ต้องรับมือกับความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยตามมาด้วยเช่นกัน อีกจุดเด่นหนึ่ง คือ มีบริการจากส่วนกลางไม่ว่าจะเป็น iTunes, Games Center และ iCloud ทำให้ผู้ใช้รู้สึกได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวของระบบ เพราะมีบัญชีเดียวแต่สามารถใช้งานได้ทุกบริการ

2. ด้านความปลอดภัย
ในเรื่องความปลอดภัย ระบบ iOS จะมีความปลอดภัยมากกว่า Android เนื่องจากว่าเป็นระบบปิด การนำไปเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ จึงเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยุ่งยาก หรือการไม่ยอมให้ติดตั้งแอปพลิเคชันจากภายนอกได้ ดังนั้นผู้ใช้งานต้องดาวน์โหลดแอปจาก App Store เท่านั้น ซึ่งแตกต่างจาก Android ผู้ใช้สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันจากไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากภายนอกได้ ทั้งนี้ในปัจจุบัน Android ก็มีการพัฒนาระบบที่เรียกว่า Safety Net ที่สามารถสแกนอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายได้

3. ด้านการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking)
ระบบ Android จะเป็นการทำงานแบบ Full Multitask คือแอปพลิเคชันที่มีหลายฟังก์ชันในตัวเดียวกัน ซึ่งข้อดีก็คือ สามารถทำงานหลาย ๆ งานได้เหมือนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลพร้อมกันเต็มเวลา ในส่วนของ iOS จะเป็นแบบ Semi Multitask คือจะทำงานเฉพาะเเอปพลิเคชันที่เปิดใช้งานอยู่ให้มีความประสิทธิภาพสูงสุด ฉะนั้นการใช้งานจะค่อนข้างมีความเสถียรมากกว่า ในขณะที่แอปพลิเคชันที่รันเป็น Background ส่วนใหญ่ จะไม่ทำงานต่อโดยอยู่ในสถานะ sleep หรือ Minimal work เท่าที่จำเป็น ทำให้ผู้ใช้งานสามารถทำอะไรได้ทีละอย่าง และไม่สามารถทำอะไรหลายอย่างได้พร้อมกัน
เพราะฉะนั้นเป็นหน้าที่ของผู้ใช้งานเองที่จะพิจารณาองค์ประกอบและฟังชันก์ต่าง ๆ ของระบบ Android และ IOS นี้ และเลือกใช้งานระบบที่ตอบโจทย์ความต้องการของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด