
กลยุทธ์ทางธุรกิจแบบ Triple Play
วันนี้ ไอทีรอบรู้ จะพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ Triple Play ที่เป็นรูปแบบหนึ่งของกลยุทธ์ทางธุรกิจ ความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่หรูหราในปัจจุบันมีลักษณะเฉพาะด้วยความเร็วที่ก้าวหน้าและขอบเขตที่ปรับให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ เราสังเกตว่านักการตลาดโรงแรมสามารถซื้อของหรูหราได้ระดับหนึ่ง แต่คนอื่นทำไม่ได้ ความยืดหยุ่นในกลยุทธ์ทางธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทั้งบริษัทและนักการตลาด วิธีการแบบเก่าของ “แผนสำหรับเหตุการณ์ทั้งหมด” ไม่สามารถรับมือกับความต้องการและความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคได้
ความจำเป็นในการรักษาความยืดหยุ่นนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อเราดูอัตราการเติบโตในอุตสาหกรรมโรงแรมตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2027 โดยประมาณที่ 5%
เป้าหมายที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งสำหรับทุกธุรกิจ คือ การเพิ่มรายได้และผลกำไร หากธุรกิจสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ก็จะสามารถกลายเป็นองค์กรที่ใหญ่ขึ้นและมีค่ามากขึ้น เนื่องจากธุรกิจมีทรัพยากรจำกัด จึงต้องหาวิธีที่จะได้รับรายได้มากขึ้น วิธีหนึ่งคือการขยายส่วนแบ่งการตลาดโดยการเพิ่มยอดขายหรือการขยายยอดขายที่มีอยู่ ธุรกิจจำเป็นต้องมีกลยุทธ์โดยเฉพาะแบบ Triple Play ที่ทำให้พวกเขาได้รับส่วนแบ่งการตลาดได้ง่ายขึ้น แนวทางที่พบบ่อยที่สุดคือการขยายผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ การเข้าซื้อกิจการ และการขยายสู่ตลาดใหม่ กลยุทธ์ Triple Play เหล่านี้อาจทำงานได้ไม่ดีตลอดเวลาในระหว่างปีหรือในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้น ธุรกิจจึงต้องการวิธีที่พวกเขาสามารถติดตามตัวชี้วัดที่ช่วยให้พวกเขารู้ว่ากลยุทธ์ของพวกเขาดีแค่ไหน
การวางแผนธุรกิจและวางรายละเอียดการปฏิบัติเพื่อให้องค์กรสามารถบรรลุถึงเป้าหมายได้ ผ่านการคัดสรรคุณค่าให้กับกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะ การออกแบบแผนปฏิบัติการให้เหมาะสมกับทรัพยากรในองค์กร และการวางแผนป้องกันเพื่อไม่ให้กลยุทธ์ล้มเหลวในระยะสั้นและระยะยาว นี่เป็นความหมายของคำว่า กลยุทธ์

กลยุทธ์ Triple Play ที่ดี ประกอบด้วยอะไรบ้าง
Triple Play เป็นแนวคิดที่ใช้สามกลยุทธ์ในหนึ่งเดียว กลยุทธ์แรก คือ การมุ่งเน้นไปที่ความต้องการและเป็นความต้องการของลูกค้า กลยุทธ์ที่สอง คือ การสร้างคุณค่าและให้คำมั่นสัญญากับแบรนด์ และกลยุทธ์ที่สาม คือ การใช้ทั้งสองร่วมกัน ให้สิ่งที่ลูกค้าต้องการและทำให้พวกเขารู้สึกดีกับมัน และกลยุทธ์เหล่านี้เป็นวิธีที่นักยุทธศาสตร์ธุรกิจกล่าวถึง กลยุทธ์ที่ดีนั้นประกอบด้วยอะไรบ้างไปดูกันเลย
1. เป้าหมาย (Goals) เป้าหมายของกลยุทธ์ส่วนมากก็คือการเพิ่มรายได้ และสร้างกำไร
2. ตลาด (Customers) หมายถึง กลุ่มลูกค้าที่ธุรกิจอยากจะดำเนินกลยุทธ์ด้วย
3. คุณค่า (Value) หมายถึง การสร้างคุณค่าให้กับกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ หรือ การปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า ผ่านการคัดสรรคุณค่า
4. ทรัพยากร (Resources) หมายถึง การออกแบบกลยุทธ์มาให้เหมาะสมกับทรัพยากรองค์กร เพื่อตอบโจทย์ว่าอะไรที่องค์กรไม่ถนัด
5. การป้องกัน (Protection) หมายถึง การสร้างกระบวนการเพื่อป้องกันไม่ให้ผลลัพธ์จากกลยุทธ์แย่ลง
